วันอาทิตย์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2559

สองเกรียนป่วนเกมส์ ตอนที่5 เด็กชาย ปริศนา

หลังจากจัดการพวกปิศาจกินฝันได้ พวกเราก็ตั้งแคมป์นอนในป่าคืนหนึ่งโดยอาวีย์บอกว่ารุ่งเช้าเขาจะพาเราไปที่อาณาจักร์ของเขาที่อยู่อีกไม่ไกล้ไม่ไกลนี้(หราาาาา?)แถมตอนกลางคืนขณะที่เรากำลังเล่านิทานร้อยเรื่องรอบกองไฟได้ถึงเรื่องที่50ก็มีแหวนสองวงหล่นใส่หัวของอาวีย์พอดี พอเคียวซึมิสัมผัสไปที่แหวน แหวนก็เรืองแสงแล้วปรากฎเป็นเจ้าชายลูค และเจ้าชายเมดี้ ลูคพอตื่นขึ้นมาก็ขอบคุณพวกเราพอเป็นพิธีและขอติดตามพวกเราไปด้วย ส่วนเมดี้....ผมเกลียดเขาอ่ะ เขาพูดมากน่ารำคาญชะมัด แถมพอผมชวนเขากับลูคเข้าฮาเร็มเขายังปฏิเสธแล้วหันไปหม้อใส่เจ้ซะอีก ถ้าโดนเจฟฆ่า ผมจะสมน้ำหน้าเขาจริงๆ
     




อาณาจักรอัลสโตเรีย




     ตอนนี้พวกเราก็ได้มาอยู่ที่อณาจักร์อัลโตเรียของอาวีย์แล้ว ซึ่งใช่เวลาไม่เยอะกว่าที่คิด(นาวิ แกพาพวกฉันหลงสินะ)เมื่อเข้ามาในวังผมสำรวจรอบๆบริเวณ ตลอดทางที่พวกเราเดินผ่านผู้คนในวังต่างมีสีหน้าที่ยินดีที่ได้พบกับเจ้าชายของพวกเขาอีกครั้ง หรือบางคนถึงขนาดเข้ามาก้มหัวแล้วพูดขอบคุณพวกเราอย่างสุดซึ้ง ดูเหมือนอาวีย์จะเป็นที่รักของคนในวังอยู่นะ
     แบบนี้สิคุณแฟนที่ดีของผม น่ารัก นิสัย เป็นที่รักของคนรอบข้าง ส่วนความเป็นแม่บ้านแม่เรื่อนกันความอ่อนหวานหรืออื่นๆอีกมากมายค่อยไปหารวบรวมจากเจ้าชายคนอื่นละกัน
     

     "เอ่อ ขอโทษนะ แต่ว่าข้าต้องขอตัวไปพบพระบิดาของข้าก่อน"เมื่อเดินไปได้สักพักก็มีชายชราคนหนึ่งเข้ามากระซิบพูดกับอาวีย์ อาวีย์หันกลับมาพูดกับพวกเราก่อนที่เขาจะวิ่งออกไป
     "อืม เขาดูรีบรอรจังเลยนะครับเนี่ย"ลูคพูด
     "สงสัยคงมีเรื่องสำคัญแน่ๆ แต่ก็ดีแลว ผมจะได้อยู่กับฮันนี่ อ๊ะฮันนี่จะไปไหนครับนั่น"เมดี้กำลังพร่ำเพ้อเหมือนทุกครั้ง ปล่อยเขาไปเถอะ
     "ป่ะครับเจ้ นาวิ ลูคคุง ไปหาอะไรกินกันเถอะ"ผมหันไปชวนทุกคน(ยกเว้นเมดี้นะ)โดยเฉพาะลูค ที่ผมพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำและทำตาเยิ้มๆเพื่อเพิ่มดีกรีความเซ็กซี่ให้กับตัวเอง ลูคที่เห็นแบบนั้นก็ทำหน้าซีดและกลืนน้ำลายลงคอแต่เพราะเห็นว่าไปกันหลายคน เขาจึงพยักหน้าตอบรับเบาๆ



     ตลาด...
     

     หลง....บอกได้คำเดียวเลย ผมหลง!!!!(O[  ]O)
     พระเจ้าครับ ผมหลง เกิดอะไรขึ้นกับผมเนี้ย!!! ผมก็เดินไปพร้อมกับทุกคนเหมือนปกตินะ แต่พอผมหันไปดูร้านขายของที่คล้ายๆร้านขายหนังสือแค่แปบเดียว แปบเดียวจริงๆนะ(ครึ่งชั่วโมงเอง?)พอหันกลับมาอีกที ทุกคนก็หายไปแล้วอ่ะ 
     ผมเดินแล้วมองไปรอบๆบริเวณเพื่อมองหาทุกคน แต่เดินมาได้สักพักใหญ่แล้ว ก็ยังไไม่เห็นแม้แต่เงาของเคียวซึมิหรือคนอื่นๆเลย คงเพราะผมเดินอยู่แถวนี้มาได้สักพักแล้ว พวกคนในเมืองจึงเริ่มหันมามองผมแล้วหันไปซุบซิบกันเบาๆ
     นี่ดูสิคนนั้นเขาเดินอยู่แบบนี้มานานแล้วนะ
     นั้นสิ เขาจะเป็นอะไรรึเปล่า
     ไม่เคยเห็นหน้าเลย คนแปลกหน้างั้นเหรอ
     พวกซุ่มก่อการร้ายหรือเปล่า
     แต่งตัวแปลกๆนะ
     .
     .
     .
     และอีกมากมายที่พวกเขาจะเม้าท์มอยเกี่ยวกับผมได้
     



     ผมมีอะไรจะบอกล่ะ...ผม...ไม่ชอบอยู่คนเดียว แล้วยิ่งต้องมาอยู่คนเดียวในดงคนที่กำลังนินทาผมอยู่ด้วยแล้ว มันทำให้ผมคิดถึงเรื่องสมัยก่อนที่จะเจอกับเคียวซึมิเลย...ตอนนั้น ผมก็ต้องอยู่คนเดียวแบบนี้แหละ 
     เพระว่าผมเป็นหนุ่มวาย...เป็นผู้ชายที่ชอบการืตูนแนวBLทำให้พวกผู้ชายต่างรังเกียจผม พวกนี้ผมเข้าใจเขาอยู่นะแต่บางคนก็เข้าหาผมเพื่อหวังให้ผมฟันประตูหลังเขา หรือบางคนหวังฟันประตูหลังผม อันนี้ผมรับไม่ได้จริงๆผมต่อยหลับหมดทุกคนเลย(ยกเว้นพวกที่เป็นเคะนะ ผมแค่แนะนำเขาให้หาคนที่ดีกว่าผมดีกว่า) ส่วนพวกผู้หญิงบ้างก็มองผมด้วยสายตาสงสารบ้าง เวทนาบ้าง หรือบางคนถึงขั้นทำท่าทางรังเกียจผมอย่าชัดเจน(เธอระแวงว่าผมจะไปแย่งพวกผู้ชายของพวกเธอน่ะนะ)
     สุดท้าย ผมเลยเลืกที่จะอยู่คนเดียว จนกระทั่งได้เจอกับเคียวซึมิ เธอไม่สนว่าผมจะเป็นอะไร เธอไม่เคยทำท่าทางรังเกียจผมหรือเวทนาผม นี้แหละมั่ง ที่ทำให้ผมเข้าไปขอเป็นเพื่อนกับเธอในวันนั้น

     ผมค่อยๆทรุดตัวนั่งลงกับพื้นโดยใช้แขนทั้งสองข้างกอดเข่าตัวเองแล้วเอาหน้าซุกลงไป
   

     เหงา เหงาชะมัดเลย เจ้ครับ...
     


     
     จึก จึก
     "นี่ๆ พี่ชาย พี่ชายหลงทางกับคุณพ่อคุณแม่เหรอ"
     ขณะทีผมกำลังนั่งดราม่าเป็นพระเอกมิวสิควีดีโออยู่นั้น ก็มีแรงสะกิดเบาๆที่ข้างๆแขน แล้วเมื่อผมเยหน้าขึ้นไปมองก็เห็นเข้ากับ ใบหน้าหน้ารักน่าชัง(น่าจับกด)ของเด็กคนหนึ่งที่ดูท่าทาง เขาน่าจะมีอายุสัก9-10ขวบได้ เส้นผมของเขาเป็นสีทองหยักศก ดวงตากลมโตเป็นสีน้ำเงินสวยราวกับสีของน้ำทะเลของเขาจ้องมาทางผมด้วยความฉงน...
     "นี่ๆตกลงพี่ชายหลงทางเหรอ"เขาถามย้ำอีกครั้ง
     "งือ...อ อืม พี่หลงทางจริงๆแหละ แต่พี่หลงทางกับเพื่อนน่ะ ไม่ใช่คุณพ่อกับคุณแม่หรอก"ผมหันไปตอบแล้วลุกขึ้นยืนก่อนจะก้มลงใช้มือยันเข่าเพื่อให้หน้าอยู่ในระดับเดียวกับเด็กคนนีั้น
     "โหจริงดิ โตขนาดนี้ พี่ยังหลงทางได้อีกงั้นเหรอ งี่เงาชะมัด"เด็กชายพูดด้วยใบหน้าอึ้งๆในตอนแรก ก่อนจะเปลี่ยนเป็นหน้าที่โคตรจะกวนอวัยวะเบื้องล่างของผมจริงๆ
     อ...ไอ้เด็ก เป-รด-เอ๊ย!!(เด็กเปรตนั่นเอง)แต่ก็ไม่สามรถพูดออกไปได้ ทำได้เพียงแค่ยิ้มรับ แล้วเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจใสซื่อรักเด็กเหมือนนางงามเท่านั้น
     "ฮะ ฮะ ฮะ นั่นสิ พี่ชายนี้งี่เง่าจังเลยเนอะ ว่าแต่น้องชายชื่ออะไรงั้นเหรอ"
     "ผมชื่อว่าเอมิล แล้วพี่ชายงี่เง่าจะถามทำไมล่ะ"
     "เอ่ม..พี่ไม่ได้ชื่อว่าพี่ชยงี่เง่านะ พี่ชื่อว่ายูโซ ว่าแต่ เอมิลคุงช่วยบอกทางกลับปราสาทของเจ้าชายอาวีย์ให้พี่ชายหน่อยได้มั้ยครับ"อดทนไว้ยูโซ นี้แค่เด็กนะ อดทนไว้ ยุบหนอ พองหนอ ฆ่าหนอ กระทืบเด็กหนอ เอ๊ย!ไม่ใช่ล่ะ
     "หืม ไปปราสาทของเจ้าชายอาวีย์เหรอ พี่ชายเป็นเพื่อนกับเจ้าชายอาวีย์เหรอ หรือว่า พี่เป็นคนที่ช่วยปลุกเจ้าชายอาวีย์ขึ้นมาน่ะครับ"เอมิลหันขวับมาถามอย่างรวดเร็ว
     "อืม จะว่าช่วยมั้ยเหรอ ต้้องบอกว่าเพื่อนพี่อีกคนต่างหากล่ะที่เป็นคนปลุกเจ้าชายอาวีย์ได้น่ะ"
     "แล้วตอนนี้พร่คนนั้นเขอยู่ที่ไหนงั้นเหรอครับ"เอมิลถามด้วยท่าทางตื่นเต้นและอยากรูอยากเห็น
     "อยู่ที่ไหนงั้นเหรอ ก็คงจะกลับปราสาทไปแล้วล่ะมั้ง..."
     "งั้นเราไปหาเขากับเถอะ"เอมิลพูดตัดบทก่อนจะดึงแขนผมแล้วพาออกวิ่งอย่างรวดเร็วไปทางที่น่าจะเป็นปราสาท
     "เฮ๊ย เอมิลคุงเดี๋ยว เดี๋ยว เดี๊ยววววววว!!!!"

สองเกรียนป่วนเกมส์ ตอนที่4 ออกเดินทางไปด้วยกัน

 "งือ...ไม่เห็นต้องต่อยผมเลยนี้นาอาวีย์คุง ใจร้ายชะมัด"ผมพูดอย่างน้อยใจ โดยใช้มือลูบแก้มด้านซ้ายของตัวเองโดนคนตรงหน้าต่อยจนเป็นรอยแดง เจ็บชะมัดเลย...
     "ก็สมควรแล้ว อยู่ๆไปพูดแบบนั้นกับผู้ชายที่เพิ่งเจอกันได้ยังไง"เคียวซึมิพูดโดยที่มือยังคนกินเนื้อของกวางที่อาวีย์เป็นคนหามาให้
     "ขอบพระคุณมากขอรับ เจ้าชายอาวีย์ที่ช่วยกระผมไว้"
     "อืม ไม่มีปัญหาหรอก ว่าแต่...ผู้หญิงคนนั้นเป็นเจ้าหญิงแห่งทรอยแมร์ที่หายไปจริงๆเหรอ"อาวีย์กระซิบถามกับนาวิเสียงเบา(แต่ผมได้ยินอยู่นะ)
     "ม...ไม่ผิดแน่ขอรับ แหวนวงศ์นั้นคือเครื่องยืนยันได้ขอรับ"นาวิพูดแล่้วเหล่ตามองไปทางเคียวซึมิที่กำลังกินน่องขากวางย่างอย่างกล้าๆกลัวๆ
     อาวีย์ที่ได้ยินแบบนั้นจึงหันไปกลับไปมองสำรวจรูปร่างหน้าตาและท่าทางของเคียวซึมิอีกครั้งอย่างพิจารณา
     "อืม...หน้าตาน่ารักใช่ย่ิอยเหมือนกันนะ ข้าชักจะหลงรักนางแล้วสิ..."
     "เฮ้ย! เจ้าทำอะไรของเจ้ากันน่ะ"อาวีย์หันกลับมาโวยวายผมด้วยใบหน้าแดงๆทันทีที่ผมเข้าไปกระซิบที่ข้างหูเขาเมื่อกี้...ผู้ชายอะไรเนี่ย น่ารักชะมัดเลย
     "ก็พูดสิ่งที่ท่านคิดอยู่ในหัวเมื่อกี้ไงล่ะขอรับเจ้าชาย ก็เข้าใจอยู่หรอกนะ ว่าเพื่อนของผมเป็นคนรูปร่างหน้าตาน่ารัก(แค่หน้าตาน่ะนะ เรื่องรสนิยมนี้อีกเรื่อง) แต่ว่า ขอบอกไว้เลยนะว่่าเขามีคนที่ชอบแล้วน่ะ"ผมพูดด้วยใบหน้านิ่งๆ(พยายามกลั้นขำ) อาวีย์ที่ได้ยินแบบนั้นจึงเผลอพูดขึ้นเสียงดัง
     "อะไรนะ! นางมีคนรักแล้วเหรอ เอ๊ย!ไม่ใช่นะ ข...ข้าไม่ได้หลงรักนางอย่างที่เจ้าพูดนะ"
     "หืม...หน้าแดงใหญ่เลยนะขอรับองค์ชาย...ถ้าท่านมาอยู่ไต้ร่างของผม ท่านจะทำหน้าน่ารักๆแบบนี้ให้ผมเห็นรึเปล่านะ"ผมพูดด้วยยน้ำที่ที่กดให้ทุ้มต่ำลงเล็กน้อย พร้อมกับเอื้อมมือไปเชยคคางของเขาขึ้นเพื่อที่จะได้เห็นใยหน้าน่ารักๆนั่นได้ชัดยิ่งขึ้น
     "อ...อ...อ..."อาวีย์ที่หน้าแดงจนแทบจะเป็นสีเดียวกับสีผมของตัวเองอยู่แล้ว ปากของเขาอ้าพะงาบๆอย่างคนพูดอะไรไม่ออกเหมือนกับเด็กน้อยที่โดนจับได้ว่าทำความผิดมา หึหึหึ...แกล้งสนุกชะมัด
     
     "ยูโซ พอกินอิ่มแล้วก็แผลงฤทธิ์เลยนะ อย่าไปแกล้งเขามากสิ น่าสงสารออก"เสียงเคียวซึมิพูดขึ้นขัดจังหวะ ผมหันไปมองทางเธอที่ตอนนี้ทำท่าจะกินอิ่มแล้ว(กว่าจะอิ่มนะ)จึงเดินมาทางที่พวกผมนั่งอยู่
     "เนี่ย ดูสิ นายแกล้งเขาจะเขาจะร้องไห้อยู่แล้วนะ น่าสงสารออก"เคียวซึมินั่งชันเขาที่ตรงหน้าของอาวีย์ ก่อนจะยื่นมือไปลูบที่เส้นผมสีแดงนั่นอย่างอ่อนโยน...อาวีย์หลับตาลงเพื่อซึมซับสัมผัสเหล่านั่น
     

     "โอ๋ๆ ไม่เป็นไรนะเด็กดีๆ...อยากมาเป็นลูกบุญธรรมของฉันกับเจฟมั้ย(^^)"เจ้พูดด้วยใบหน้ายิ้มใสซื่อ
     "ห๊ะ!?"(O{}O)<<<หน้าอาวีย์
     (O.O)<<<หน้านาวิ
     (=_=)<<<หน้าของผม

     "เหอะๆ เจ้ก็เหมือนผมแหละ เจอคนหน้าตาน่ารักหน่อยไม่ได้ ขอเป็นลูกหมด"
     "อะไรยะ มีปัญหาเรอะ"
     "อ่า...ป ป่าวจ้า...(^^:)"ใครเล่าจะกล้าหือกับนาง ได้โดนสามีนางฆ่าน่ะสิ



50%
เดี๋ยวมาต่อให้วันหลังนะครับ^^

ต่อ




     อื่ม...ถ้าจำไม่ผิด หลังจากที่เราได้เจอกับอาวีย์ เดี๋ยวก็ต้องเจอกับลูคเจ้าชายพเนจรกับเจ้าชาย เอ่อ...เมดี้เจ้าชายคลั่งศิลปะอีกสินะ แล้วก็...ปิศาจกินฝัน ต้องเจ้สินะ
     ผมเดินไปหาเคียวซึมิที่นั่งเหม่ออยู่ไต้ต้นไปเงียบๆ ก่อนจะค่อยๆนั่งลงข้างๆเธอช้าๆ
     "เคียวซึมิคิดอะไรอยู่เหรอ..."ผมหันไปถามเธอเสียงเบา เคียวซึมิหันมามองผมเล็กน้อย
     "ก็กำลังคิดว่า เราจะหาทางกลับกันได้มั้ย?น่ะนะ"
     "หืม..เจ้คิดถึงโลกนู้นเหรอ ทำไมล่ะ?"ทุกทีเห็นว่าเกลียดโลกนู้นจะตายนี้นา 
     "ก็นะ ที่นี้มันไม่มีการ์ตูนให้ดู ไม่มีนิยายให้อ่าน แถมฉันก็ไม่ได้ติดต่อกับเจฟมาตั้งนานแล้วนะ เขาจะโกรธฉันมั้ยนะ"เคียวซึมิพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
     "อ...เอ่ม เจ้ครับ ผมว่าไม่เจอเจฟบ่อยๆก็ดีนะ จะได้พิสูจน์ความรักของพวกเจ้ไง เนอะ^^"เปล่าหรอก ไม้ใช่ผมห่วงความรักของเจ้กับเจฟหรอกนะ แต่ผมกลัวสามีเจ้อ่ะ(T^T)
     "อืม นั้นสินะ ขืนเจอกันบ่อยๆแล้วเขาเบื่อฉันขึ้นมา ฉันก็คงฆ่าเขาทิ้งให้ตายอีกครั้งก่อนจะฆ่าตัวเองตายตามเขาไป ทีนี้ เราก็ได้อยู่ก้วยกันแล้ว"เธอพูดโดยใบหน้หน้ารักนั้นเริ่มมีรอยยิ้มประดับขึ้นมาจางๆ
     ฮือๆๆๆเจ้ เจ้จิตขึ้นเยอะเลยนะ ผมกลัวเจ้อ่าคร้าบบบบบบ...(TT{}TT)ขนาดผมหลงรักแอล เดธโน้ธขนาดไหนผมยังไม่ฝักไฝ่หาเขาขนาดเจ้เลยนะ
     



     "องค์หญิงขอรับ ท่านยูโซแย่แล้วขอรับ!!"
     ขณะที่ผมกำลังถูกรังสีโรคจิตของเคียวซึมิโจมตีจนแทบขยับตัวไม่ได้ อยู่เสียงนาวิก็ร้องเรียกดังขึ้นพร้อมกับร่างน้อยๆปุกปุยของเขาวิ่งมาด้วยกันกับอาวีย์ที่มีสีหน้าเคร่งเครียดสุดๆ
     "หืม เกิดอะไรขึ้นเหรอมื้อเย็นคุง เอ๊ย นาวิ อาวีย์ด้วย ทำหน้าเครียดเชียว"เคียวซึมิหันไปถามทั้งสองด้วยใบหน้าสงสัย
     อืม ท่่าทางแบบนี้ หรือว่า
     "ปิศาจกินฝันงั้นเหรอ"ผมพูดขึ้นเสียงเบา
     "กระผมสัมผัสได้ถึงปิศาจกินฝันขอรับ"นาวิพูดเสียงดัง 
     นั่นไงล่ะ ทำไมตอนหมุนกาชาผมไม่ทายแม่นได้แบบนี้มั่งนะ 
     "แล้วพวกนายเลยอยากของพลังความฝันของเคียวซึมิ เพื่อไปใช้เพิ่มพลังโจมตีพวกปิศาจกินฝันสินะ"ผมพูดขัดขึ้นก่อนนาวิจะพูดจบ ทั้งเจ้ นาวิ แลล้วก็อาวีย์มองมาทางผมอย่างแปลกใจ
     "อะ อืม ใช่ขอรับ เราต้องการพลังแห่งความฝันและความหวังขององค์หญิง เพื่อไปใช้ทำลายพวกปิศาจกินฝันขอรับ เพื่อให้โลกของเราได้กลับคืนสู่ความมีชีวิตชีวาอีกครั้ง ได้โปรด มอบพลังให้กับเหล่าเจ้าชาย มอบพลังให้กับอาณาจักรนี้ด้วยเถอะขอรับองค์หญิง!"นาวิคุกเข่าขอร้องมาทางเคียวซึมิที่ยยังคงทำหน้านิ่งเหมือนไม่รู้สึกอะไรกับปัญหาโลกที่กำลังจะแตกนี้
     "..."
     "ฉันขอก็ร้องด้วยอีกคนนะ"อาวีย์พูดขอร้องอีกคนพร้อมกับเดินมายืนตรงหน้าของเคียวซึมิ ก่อนจะก้มหัวลงให้กับเธอ...
     "เจ้ครับ..."ผมมองไปทางเจ้ด้วยความรู้สึกที่พูดไม่ออก
     "ขอโทษนะ"เคียวซึมิค่อยๆก้มหน้าลงแล้วพูดเสียงสั่นๆจนแทบฟังไม่ออก"ขอโทษ แต่ว่าฉัน...ไม่มีหรอก ของแบบนั้น ทั้งความฝัน ความหวัง ฉันไม่มีหรอก"
     "พูดว่าไงนะ!! เฮ้ย!ปิศาจกินฝันมันมากันแล้ว!!!"อาวีย์ร้องขึ้นเสียงสูง ก่อนจะหันขวับไปทางด้านหลังที่มีเจ้าปิศาจกินฝัน(?)ฝูงหนึ่งกำลังบุกเข้ามาทางที่พวกเราอยู่
     "โธ่เว้ย"อาวีย์สบถก่อนจะดึงดาบขนาดใหญ่ของเขาออกมาแล้ววิ่งเข้าไปฟาดฟันดาบใส่เจ้าสิ่งมีชีวิตประหลาดรูปร่างเหมือนควัญสีดำทีจับตัวกับเป็นรูปร่างที่แตกต่างกันมีทั้งใหญ่และเล็กกระจายตัวล้อมพวกเราเอาไว้ทั้งหมด




     ฉับ ฉั๊วะ ผลั๊ก!
     อาวีย์ยังคงฟันไปที่ร่างของพวกปิศาจกินฝัน แต่ไม่ว่าจะฟันกี่ครั้ง มันก็สามรถรวมตัวจับกันเป็นรูปร่างเดิมและเข้าโจมตีมาทางพวกเราไม่หยุด
     "โอ้ย!เจ็บนะเเจ้าพวกบ้านี้!"ผมสบถเสียงดังอย่างหงุดหงิด โดยที่ในอ้อมแขนของผมก็มีร่างของเคียวซึมิอยู่ด้วย ผมดึงร่างเธอหลบไปมา แล้วพยายามใช้ร่างของตัวเองป้องกันการโจมตีเหล่านั้นไปด้วย 
     "องค์หญิงได้โปรดเถอะขอรับ นึกให้ออกที ความฝันอะไรก็ได้ ความหวังอะไรก็ได้!"นาวิตะโกนขอร้องเคียวซึมิโดยมือเขาเกะแยู่ที่ผ้าพันคอของผม
     "โว๊ย!!! เงียบปากไปเลย ถ้าไม่เงียบ ทันทีที่รอดไปได้นะ ฉันจะจับแกกินแน่ไอ้ตัวประหลาด!!!"
     "เราไม่รอดแน่ ไม่ได้กลับแน่..."เคียวซึมิพึมพำอยู่ตรงอกของผม ผมรู้ดีน่าว่าเราไม่รอดแน่ เพราะเคียวซึมิไม่เหมือนกับเจ้าหญิงแห่งทรอยแมร์ในเกมส์สักนิดเดียว เธอชบพูดกับผมว่า...
    

      'ความฝันงั้นเหรอ ไม่มีหรอกเพราะเธอจะอยู่กับปัจจุบันอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นมันก็ต้องเกิด ความหวังงั้นเหรอ จะมีไปทำไม ถ้าอย่ากได้อะไรเราก็ต้องทำให้มันเป็นจริงได้ด้วยมือเราเองสิ ไม่มีหรอกที่ว่าถ้าเราตั้งใจ จะมีคนมาหยิบยื่นให้น่ะ เรื่องแบบนั้น มันไม่มีจริงหรอก'


     แต่ผมไม่ยอมตายหรอก และไม่ยอมให้เธอตายด้วย ผมจะต้องทำให้เจ้าชายทั้งหมดในเกมส์นี้ มาเป็นเด็กในฮาเร็มของผมให้ได้ แล้วจะต้องทำให้เคียวซึมิเห็นด้วย!!!!
     "เคียวซึมิ เจ้าหัวชมพู ระวัง!!!"
     ผมหันไปมองตามทางที่อาวีย์ตะโกน ก็เห็นเจ้าปิศาจกินฝันตัวโคตรใหญ่ พุ่งตรงมาทางพวกเราอย่างรวดเร็ว
     "หนอย ถ้าฉันยังไม่ได้สร้าง'ฮาเร็มเจ้าชายของหนุ่มวายชื่อยูโซ'ละก็ ฉันไม่ยอมตายง่ายๆหรอกเฟ้ย!!!!!"
     (=_=)<<<หน้าเคียวซึมิ
     (oAO)<<<หน้านาวิ
     (T[]T)<<<หน้าอาวีย์(นายคือเจ้าชายคนแรกที่จะมาอยู่ในฮาเร็มของฉัน)
     ผมกอดเอวของเคียวซึมิให้แน่นขึ้น ก่อนจะหมุนตัวแล้วกระโดดหมุนตัวเตะไปกลางแสกหน้าของเจ้าปิศาจนั่นต็มแรงจนมันปลิวไปกระแทกกับต้นไม้ใหญ่ ต้นไม้โค่นลงไปทับที่ร่างปิศาจกินฝันตัวเล็กๆซ้ำ
     



     แฮ่ กร๊าซซซซ อ๊ากกกกกกก 
     

     โผล๊ะ!!!!


     เจ้าปิศาจที่ถูกผมเตะไป อยู่ๆก็กรีดร้องขึ้นก่อนจะดิ้นทุรนทุรายก่อนที่ตัวของมันจะค่อยๆส่องแสงที่ขาวแล้วบวมขึ้น บวมขึ้นจนกระทั่งแตกกระจายออกเป็นสะเก็ดแสงกระจายไปรอบบริเวณ
     "เอ๋ นี้มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ"ผมพูดขึ้นงงๆ
     "หรือว่า...เจ้าหญิงแบ่งเอาพลังความฝันและควมหวังอันแรงกล้า(เรื่องจะตั้งฮาเร็ม)ของท่านยูโซมาแปลงเป็นพลังของท่าน ทำให้ท่านยูโซสามารถโจมตีปิศาจกินฝันได้"นาวิพูดขึ้นอย่างดีใจ
     "นี้ นาวิ ภาษาคนกด1นะ ฉันไม่เข้าใจ"ผมหันไปถามนาวิด้วยใบหน้าที่งงยิ่งกว่าเดิม แต่คนที่ตอบผมกลับเป็นเคียวซึมิที่อยู่ในอ้อมแขนของผม
     "มันก็แปลว่า ฉันสามรถเอาความหวังและความฝันของนาย ทำให้เป็นพลังของตัวเองได้ไงล่ะ..."เคียวซึมิพูดนิ่งๆ แต่ผมสังเกตเห็นประกายในดวงตาของเธอ...เธอกำลังดีใจ...
     "ไม่มีเวลามาคุยแล้ว เคียวซึมิ เจ้าหัวชมพู ไม่สิ ยูโซ ส่งพลังของพวกนายมาให้ฉันที"อาวีย์ตะโกนมาทางพวกเรา ผมหันไปมองทางเขาก็เห็นพวกปิศาจกินฝันอีกผู้กำลังวิ่งมาทางเรา
     "งั้นก็ เจ้ครับ"ผมหันไปพูดกับเคียวซึมิก่อนจะยกมือทั้งสองข้างของเธอขึ้นมากุมไว้ แล้วหลับตาลง
     "อืม"เคียวซึมิพยักหน้ารับ แล้วค่อยๆหลับตาลงพร้อมกับผม







     


     แสงสว่างค่อยๆส่องออกมาจากแหวนที่นิ้วเรียวงามของหญิงสาวร่างเล็ก แล้วแสงนั้นก็ยังคงสว่างขึ้นเรื่อยๆจนทำให้บริเวณรอบด้านถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีขาวอบอุ่น ก่อนที่มันจะค่อยๆควบแน่นไปรวมอยู่ที่ร่างของเจ้าชายมสีแดงเพลิงเป็นจุดเดียว
    

      "ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเอง ย๊ากกกกกก!!!!"อาวีย์พูดอย่างฮึกเหิมพร้อมกับวิ่งเข้าไปฟันไปทางพวกปิศาจกินฝัน
     กร้าซซซซซซ!!!!!
     อ๊ากกกกกกกก!!!!!
     แฮ่!!!!!
     เสียงกรีดร้องของปิศาจกินฝันดังระงมไปทั่วป่า ก่อนที่ร่างของพวกมันทั้งหมดจะแตกกระจายเป็นประกายแสง และค่อยๆปลิวไปตามลม...






     "สำเร็จแล้วนะ"ผมพูดขึ้นแล้วมองไปทางเตียวซึมิ อาวีย์ และนาวิ
     "ใช่ สำเร็จแล้ว"เคียวซึมิพูดเสียงเรียบๆแบบปกติ แต่มุมปากที่เคยเรียบสนิทของเธอกระตุกขึ้นเล็กน้อยจนถ้าหากไม่สังเกตให้ดี คงมองไม่ห็นแน่ๆ
     "ผมไม่นึกเลยว่าจะมีวิธีนี้อยู่ด้วย สุดยอดไปเลยขอรับองค์หญิง ท่านยูโซ"นาวิกระโดดเหยงๆไปมาอย่างดีใจสุดๆ
     "ฮึ...สุดยอดจริงๆนั่นแหละ พลังของพวกเธอ ฉันคงต้องดูนายใหม่ซะแล้วสิ เจ้าหัวชมพู"ประโยคแรกอาวีย์พูดกับเคียวซึมิ ส่วนประโยคหลังเขาหับมาพูดกับผมด้วยใบหน้าที่แระดับไปด้วยรอยยิ้มเจิดจ้าสุดๆ....
     หมับ!
     "อาวีย์ มาเป็นแฟนเค้าเถอะ"
     "ห้ะ!!!(O[]O)x3"
     เสียงสามเสียงร้องขึ้นพร้อมกันทันทีที่ผมไปกุมมือของอาวีย์มาแนบอกแล้วขอเขาเป็นแฟน
     "นะ นะ นะ สัญญาเลยว่าจะเป็นแฟนที่ดี จะอ่อนโยน จะใจดี ไม่ไม่ทำให้นายเจ็บ(?)เด็ดขาด เป็นแฟนกันนะ จุ๊บ!!"ผมพูดอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นกว่าเดิม ก่อนจะฉวยหอมแก้มนิ่มๆหอมๆเกินชายปกติของอาวีย์ไปหนึ่งฟอด เรียกให้ใบหน้าที่เคยขาวนวลของอาวีย์กลายเป็นสีแดงราวกับมะเขือเทศสด
     "หนอย ไอ้หัวชมพูงี่เง่าเอ๊ย!!!!"อาวีย์พูดเสียงดังพร้อมกับง้างหมัดขึ้นแล้วหมัดนั้นก็พุ่งตรงเข้ามากลางปากผมอย่างแรก
     ผลั๊วะ!!!!
     "แอ๊ก!!!"
     "ยูโซ!/ท่านยูโซ!!!"




     งือ...จะจีบหนุ่มหน้าสวยต้องอดทน...โดนต่อยฟันหล่น เลือดกรบปากต้องไม่ตาย....ฮือ ฮือ....(TT[]TT)
     









     ผมจะจีบเจ้าชายได้ครบทุกคนมั้ยนะ....
     

สองเกรียนป่วนเกมส์ ตอนที่3 เจ้าชายผมสีแดง

 โครกกกก ครากกกก โครกกกก ครากกกก
     "นี้ ยูโซ นายช่วยทำอะไรกับเสียงท้องของนายหน่อยได้มั้ย มันหนวกหูนะ"เคียวซึมิหันกลับมาดุของผม โดยที่ในอ้อมแขนของเธอยังคงอุ้มเจ้านาวิอยู่
     "งืออออ งั้นเจ้ก็เอาเจ้านาวินั้นมาให้ผมกินหน่อยสิ ผมหิวนี่นา"ผมพูดพร้อมกับลูบท้องตัวเองไปด้วย เพื่อสื่อว่า ผมหิวจริงๆนะ 
     "ม...ไม่นะขอรับ ท่านยูโซ่ อดทนไว้นะขอรับ อีกไม่ไกลก็ใกล้ถึงอานาจักรที่ใกล้ที่สุดแล้ว"นาวิพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆปนผวา เคียวซึมิเห็นแบบนั้นจึงกอดร่างปุกปุยนั้นไว้แนบอกยิ่งกว่าเดิม
     "ถ้านายกล้าทำอะไรนาวิ ฉันเรียกเจฟมาฆ่านายแน่"เคียวซึมิพูดด้วยน้ำเสียงเย็นๆชวนสยอง นัยส์ตาสีแดงของเธอเหมือนจะส่องประกายออกมาเล็กน้อยด้วย
     "เค้ากลัวแล้วจร้าาาาา..."ยกมือยอมศิโรราบสิขอรับ 
     "เข้าใจก็ดีแล้วล่ะ ไปกันเถอะนาวิ"
     "อ่า...ขอรับองค์หญิง"




     

     ครึ่งชั่วโมงผ่านไป
     "นาวิ ไหนว่ามันไม่ไกลไง ฉันหิวจะตายแล้วนะ"ผมโอดครวญ
     "บ่นมากจริง นายเป็นผู้ชายประสาอะไร"ประสาหนุ่มวายไงครับเจ้(=_=)หนุ่มวายที่หล่อมากด้วย(อ่ะหิ้ววววว)
     "ใกล้แล้วขอรับท่านยูโซ อดทนหน่อยนะขอรับ"นาวิหันมาให้กำลังใจผม







     1ชั่วโมงต่อมา
     "นาวิ ไกล้ถึงรึยังอ่ะ ฉันเริ่มจะหิวอีกแล้วสิ"เคียวซึมิพูด
     กระเพาะหรือหลุ่มดำครับนั้นเจ้ เจ้เพิ่งททานข้ากลางวันไปเมื่อชั่วโมงครึ่งที่แล้วเองนะ
     "อีกไม่ใกล้แล้วขอรับองคืหญิง ท่านยูโซสู้ๆนะขอรับ"
     "อืม..."ผมเริ่มไม่มีแรงจะตอบแล้ว จึงทำได้แค่ส่งเสียงตอบรับในลำคอเบาๆ





     3ชั่วโมง....
     เป๊าะ แป๊ะ เป๊าะ แป๊ะ เสียงไม่ลั่นจากการถูกไฟเผาดังเบาๆ อา....ช่่างเป็นเสียงที่ไพเราะสำหรับผมในยามนี้เสียจริมๆเบย
     "อ๊ากกกกก องค์หญิงขอรับ อย่ากินกระผมเลยยย"เสียงร้องเล็กแหลมของนาวิดังขึ้น มันดิ้นขลุกขลักไปมาเพื่อให้ตัวหลุดจากพันธนาการของเถาวัลที่ผมใช้มัดร่างของมันติดกับต้นไม้กันหนี
     "ก็ไหนนายบอกอีแปบเดียว ฉันหิวจะตายอยู่แล้ว ป่าบ้านี้ผลไม้ซักผลก็ก็ไม่มี เพราะงั้น แกต้องรับผิดชอบให้พวกฉันกินซะดีๆ ยูไปหาฟืนมาเพิ่มที เดียวฉันคอยดูเจ้ามื่อเย็นขอเราไม่เอง"
     "ได้ตามบัญชาเลยครับเจ้ /(^[]^)"ผมทำท่าตะเบ๊ะรับคำอย่างร่าเริงขึ้นทันที ก่อนหันหลังวิ่งออกไปหาฟืนมาเพิ่ม 



     "ข้าวจ๋าข้าว...ข้าจ๋าๆๆๆ เย้ เย..."ผมร้องเพลงอย่างอารมย์ดี จะได้กินข้าวแล้วววว
     
     ผมเดินไปเรื่อยๆเพื่อหาเศษไม้มาเป็นมาทำฟืนจนกระทั่งคิดว่าคงพอสำหรับใช้ในวันนี้แล้ว จึงเดินกลับทางเดิมที่เคียวซึมิกับเจ้ามื้อเย็นของเจ้แต่ข้าวเที่ยงของผมอยู่
     "ฮื้ม...ฮืม...เอ๊ะ!?"ผมเดินฮัมเพลงไปเรื่อยๆจนกระทั่งถึงที่ที่เคียวซึมิอยู่ แต่ที่ตรงนั้นกลับไม่ได้มีแค่เธอ ตอนนี้ได้มีชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ข้างๆเธอด้วยซึ่งเขายืนหันหลังให้กับผม ทำให้ผมสามารถสังเกตรูปร่างของเขาได้อย่างละเอียด 
     เขามีเรือนมสีแดงราวกับสีของใบเมเปิ้ล มันดูนุ่มสลวยพลิ้วไหวตามลม เขาใส่ชุดแปลกประหลาดเหมือนชุดคอสเพลย์ที่เห็นตามงานคอสเพลย์ที่โลกนู้น แต่สิ่งที่สะดุดตาผมที่สุดคือดาบขนาดใหญ่ที่เขาถือยู่ในมือของเขาที่ชี้ไปที่หน้าของเคียวซึมิ!!!!
     "..."
     "อ่า มาพอดีเลย นั่นไงเพื่อนของฉัน ยูโซนี่อาวีย์เป็นเจ้าชาย..."
     ขณะที่ผมกำลังย่องไปด้านหลังของเจ้าคนผมแดงนั่นเพื่อเตรียมชาร์ตตัวของเขเพื่อช่วยเคียวซึมิ แต่ทันทีที่เคียวซึมิสังเกตเห็นผม เธอกลับพูดขึ้นด้วยใบหน้านิ่งๆและโบกมือเรียกผมหย่อยๆ
     "เจ้อ่าาาา เค้ากำลังจะช่วยเจ้นะ"ผมพูดแล้วทำแก้มป่องใส่เคียวซึมิ ก่อนจะค่อยๆเดินไปยืนข้างๆเคียวซึมิแล้วมองชายผมแดงตรงๆ
     หืม ผมแดงของเขาสะท้อนแสงอาทิตย์ นัยส์ตาคมดุแต่กลับดูหวานเพราะสีน้ำเงินใสของเขาจ้องมาที่ผม จมูกโด่งรับกับริมฝีปากบางสีส้มธรรมชาติ...
     ส...สวยดุ...
     หมับ!
     ผมเอื้อมมือไปุกุมมือของเขาแล้วดึงมาไว้แนบอก แล้วพูดด้วยเสียงจริงจังและหนักแน่น
     "คุณสนใจมาอยู่ในฮาเร็มของผมมั้ย!!!"
     "ห๊าาาา!!!??(O[]O)x3"
     
     

สองเกรียนป่วนเกมส์ ตอนที่2 พ่อบ้านตุ้กตา

 จิ้บๆๆๆๆ
     

     "ยูโซ ยูโซ ยูตื่นได้แล้ว"
     เสียงเรียกเบาๆ พร้อมกับแรงเขย่าบนตัวเนรียกสติของผมให้ตื่นขึ้นช้า
     "อ...อืม...เคียวซึมิงั้น...เหรอ"ผมพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง(จากการตะโกน)แล้วค่อยๆใช้แขนยันตัวเองขึ้นช้าๆ โดยมีเคียวซึมิช่วยพยุงด้วยอีกแรง เมื่อผมลุกขึ้นนั่งได้ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน ผมก็สอดส่ายสายตาสำรวจบริเวณรอบๆตัว...ป่า...งั้นเหรอ
     "อย่ามามองฉันย่ะ ฉันก็ไม่รู้ว่าเราอยู่ที่ไหน"เคียวซึมิรีบพูดขึ้นทันที เมื่อเห็นผมมองเธอด้วยสีหน้าสงสัยสุดๆ
     "งืม...งั้นลองเดินสำรวจรอบๆดูกันเถอะ"ผมพูดแล้วลุกขึ้นยืนและฉุดให้เคียวซึมิลุกตาม


     












     "โอยยยย โอยยยย โอยยยย...."
     "เลิกครวญได้แล้วยะ รีบๆเดินเร็ว เดี๋ยวก็มืดันพอดีหรอก"เคียวซึมิหันมาดุผมที่ตอนนี้แทบจะลงไปคลานอยู่ที่พื้นอยู่แล้ว...ก็ผมยังไม่ได้ทานข้าวกลางวันเลยนะ เพราะเอาเวลาไปเล่นเกมส์กับโหลดเกมส์ให้้เคียวซึมิหมดน่ะ ตอนนี้ ผมหิวชะมัดเลยอ่าาาา
     โครกกก ครากกกก
     "แง้ๆๆๆ เจ้ ผมหิวจะตายอยู่แล้วอ่าาาา"ผมเริ่มงอแง ก็คนมันหิวนี้นา
     แซกๆ แซก
     "ชู้ววว เงียบๆก่อนยู"
     "อุ๊บ!"
     อยู่ๆเคียวซึมิก็หันกลับมาแล้วใช้มืออุดปากผมไว้อย่างรวดเร็ว แล้วส่งสัญญาณให้ผมเงียบเสียงไว้
     "เคียวซึมิ หลบหลังเราไว้นะ"ผมพูดแล้วดึงเคียวซึมิมาหลบไว้ข้างหลังผม ผมเป็นผู้ชายนะ ในสถานการณ์แบบนี้ ผมต้องปกป้องเพื่อนสาวผมสิ...
     

     ผมค่อยๆเดินไปทางพุ่มไม้เมื่อเมื่อกี้พวกเราได้ยินเสียงขยับของบางอย่างหลังพุ่มไม้นั่นด้วยฝีเท้าที่พยายามให้เบาที่สุด ผมเอื้อมมือไปทางพุ่มไม้นั้น แล้วแหวกออกเบาๆจนกระทั้ง ผมได้เห็นกับบางอย่าง มันมัลักษณะเป็นก้อนปุยๆสีขาวเหมือนไสใหม
     "เอ๋..."
     "อะไรเหรอยู"เคียวซึมิเดินมาข้างหลังผมช้าๆแล้วมองไปทางสิ่งที่ผมกำลังมองอยู่ ก่อนจะพูดเสียงเบา"ตัวอะไรน่ะ"
     พวกเราแอบมองเจ้าตัวประหลาดนั้นจากหลังพุ่มไม้ เมื่อมองดีๆมันมีลักษณะเหมือนกับ...เอ่อ...กระต่ายยักษ์ยืนสองขาใส้เสื้อสูท???
     "กินได้มั้ยน่ะ...อ๊ะ! โครกกกกกก"ฉันพึมพำเสียงเบาพร้อมกลับเสียงท้องร้องขึ้นมาเสียงดังจนทำให้เจ้าสิ่งมีชีวิตประหลาดนั้นรู้ตัว จนมันหันมาทางพวกเรอย่างรวดเร็ว
     "ใครนะขอรับ!!!"
     "กระต่ายพูดได้!!!?/เ-ี้ย ตุ๊กตาพูดได้!!!"ผมและเคียวสุมิร้องขึ้นพร้อมกันอย่าตกใจ เมื่ออยู่พอเจ้าตัวประหลาดนั่นหันมามันก็ส่งเสียงพูดขึึ้น พร้อมกับทำท่าเหมือนจะวิ่งหนี
     "เฮ้ย หยุดนะ มาให้ฉันกินซะดีๆนะเจ้าเนื้อย่างงงง"ผมพูดแล้ววิ่งตามเจ้าตัวประหลาดนั้นไปอย่างบ้าคลั่ง
     "ว้ากกกกก ช่วยด้วยขอรับ ใครก็ได้ช่วยด้วยยยยย"
     มันกรีดร้องเสียงดังแล้ววิ่งกระโดดโหยงเหยงไปมาจนผมที่วิ่งตามมันเริ่มจะเวียนหัว
     "เดี๋ยวก่อน ยูโซหยุดก่อน กินไม่ได้นะ"
     แล้วอยู่ๆเคียวซึมิที่วิ่งมาจากไหนไม่รู้ ก็อุ้มเจ้าตัวประหลาดนั้น แล้วกอดมันไว้แนบอกแน่น 
     "กินไม่ได้นะยู เจ้าตัวนี้ ฉันจะเอาไว้นอนกอด"เคียวซึมิพูดแล้วลูบหัวเจ้าตัวประหลาดนั่นอย่างอ่อนโยน 
     "เอ๋ แหวนวงค์นี้"อยู่ๆเจ้าตัวประหลาดนั้นที่ตอนแรกทำท่าตัวสั่นหวาดกลัวเป็นเจ้าเข้า แต่พอดวงตาลกมโตแป๋วแหววของมันสังเกตเห็นแหวนที่อยู่บนนิ้วของเคียวซึมิ...เอ๋?แหวน ก่อนหน้านี้ไม่มีนี้นา!!
     ผมมองไปที่นิ้วมือของเคียวที่เคยเกลี้ยงเกลาไร้เครื่องประดับ แต่บัดนี้ กลับมีแหวนวงหนึ่งสวมอยู่ที่นิ้ชี้ของมือขวาของเธอ ซึ่งเป็นแหวนที่มีลักษณะเป็นแหวนที่มีคลิสตัลบนแหวนเป็นที่น้ำเงินจนเกือบดำ รอบวงของมันเหมือนจะทำมาจากทองคำขาว แถมยังถูกแกะสลักด้วยลวดลายที่ปราณีตมากๆ
     "ว...แหวนนี้มาจากไหนเนี่ย!!!"ผมพูดขึ้นอย่างตกใจ ซึ่งเคียวซึมิก็ดูจะแปลกใจไม่แพ้ผมเช่นกัน
     "ท...ท่านคือ องค์หญิงแห่งทรอยแมร์งั้นเหรอขอรับ"เจ้าตัวประหลาดพูดขึ้น
     "เอ๋ เจ้าหญิงแห่งทรอยแมร์ ชื่อเหมือนกับในเกมส์เลย หรือว่า นายจะเป็นนาวิ!!!?"ผมหันไปถามเจ้าตัวประหลาดนั่น
     "อ...ขอรัับ ผมชื่อว่านาวิ เป็นพ่อบ้านของประจำตัวขององค์หญิงแห่งทรอยแมร์ขอรับ"
     "อย่าบอกนะว่านี้พวกเรามาอยู่ในเกมส์เนี่ย"ไม่จริงน่า ทำไมพวกเราถึงมาอยู่ในเกมส์ได้ล่ะ
     


     "ท่านเป็นเจ้าหญิงของกระผมกลับมาช่วยโลกของเราแล้วสินะขอรับ"เจ้าตัวประหลาดหรือนาวิ เงยหน้าขึ้นไปพูดกับเคียวซึมิด้วยใบหน้าราวกับได้พบกับพระเจ้าที่ตัวเองเทิดทูล นัยส์ตากลมโตนั้นคลอไปด้วยน้ำตามากมายจวนเจียนจะไหลมีไหลแหล่ 
     "เจ้าหญิงงั้นเหรอ ไม่ใช่หรอก ฉันแค่มาจากอีกโลกหนึ่งต่างหาก"เคียวซึมิพูดกับนาวิพร้อมกับกอดปลอบเจ้าตัวกลมปุกปุยเหมือนตุ๊กตานั้นอย่างอ่อนโยน
     "ท่านคือเจ้าหญิงของกระผมแน่ๆ แหวนวงนั้นคือสัญลักประจำตัวของราชวงค์ของอาณาจักทรอยแมร์ ที่จะเปนคนมอบความหวังให้กับทุกคนในโลกแห่งนี้ แต่เมื่อไม่นานมานี้ พวกปิศาจกินฝันได้ปรากฎตัวขึ้น และมันได้กินฝันของผู้คน มีเพียงเจ้าหญิงแห่งอาณาจักรทรอยแมร์ของเราเท่านั้นที่จะช่วยให้พลังความฝันแก่ทุกคนได้ แล้ว บลาๆๆๆๆๆๆ"
 โคลกกกก คลากกกก
     "แล้วเจ้าหญิงแห่งทรอยแมร์ต้องช่วยทุกคนจากปิศาจกินฝันและ บลาๆๆๆๆๆ เอาละเดี๋ยวต่อจากนี้ ละเอียดยิบย่อยอื่นๆฉันอธิบายให้อาเจ้ของฉันฟังเองก็ได้ แต่ตอนนี้...พาฉันไปหาของกินหน่อยเถอะ...."ผมพูดพร้อมกับกุมท้องที่เริ่มปวดจากการที่น้ำย่อยเริ่มกัดกระเพาะ 
     เคียวซึมิหันมมองผมแล้วถอนหายใจอย่างระอากับสภาพของผมตอนนี้ ส่วนนาวิก็มองผมอย่างอึ้งๆที่ฉันรู้เรื่องที่เขากำลังพูดกับเคียวซึมิ 
     (ก็ตูเล่นเกมส์มา ตูก็ต้องรู้ดิ)
     
     

สองเกรียนป่วนเกมส์ ตอนที่1 เกมส์

  "แกรรรร ดูดิเจ้าชายโจชัวของฉันจุติแล้ว"
     "อุ้ย จริงดิ เจ้าชายไวลี่ของฉันก็ไกล้จะจุติแล้วเหมือนกัน"
     "แกร้!!!เจ้าชายของฉัน บลาๆๆๆๆ"
     

     ขณะที่ผมได้เดินเข้าไปในห้องเรียนเหมือนกับทุกๆวัน แต่ที่ไม่เหมือนทุกวันคือ เสียงกรี้ดของเหล่าสาวๆในห้องเรียน ที่พูดกรี้ดกราดแล้วยื่นโทรศัพท์ของตัวเองไปให้เพื่อนของพวกเธอดูถึงการเปลี่ยนแปลงของตัวละครในเกมส์ของพวกเธอ

     เกมส์YUME100เกมส์จีบหนุ่มที่กำลังละบาดอยู่ในกลุ่มสาวๆช่่วงนีี้ เนื่องจากตัวละครในเกมส์ที่มีความหล่อเหล่า และมีเนื้อเรื่องของเกมส์ที่น่าติดตาม ทำให้กมส์นี้ติดหนึ่งในเกมส์เอาใจวัยรุ่นได้ในขณะนี้ ซึ่งหนึ่งในวัยรุ่นเหล่านั้นก็รวมไปถึง...ตัวผมเองด้วย(555+)

     ผมชื่อยู่โซ อายุ19ย่าง20ปี ผมก็เป็นหนึ่งในวัยรุ่นที่ได้โหลดเกมส์นี้มาเล่น และติดงอมแงมไม่ต่างจากเหล่าผู้หญิงพวกที่นั่งกรี๊ดกราดอยู่มุมนู้นของห้องสักเท่าไหร่ เพียงแค่ผมไม่ได้แสดงอาการเหมือนพวกเธอเหล่านั้น
     ด้วยใบหน้านิ่งๆไร้อารมย์ และพูดน้อย(ในสายตาคนอื่น)ของผม ใครจะคิดล่ะ ว่าผมจะเป็นfudanshiหรือหนุ่มyaoiได้ล่ะ
     
     คนที่รู้ว่าผมเป็นหนุ่มyaoiมีแค่เพื่อนสนิทของผม'เคียวซึมิ'เพื่อนสาวสุดเย็นชาพูดน้อย ต่อยหนัก คลั่งและหลงรักjeff the killerจนถึงขนาดศึกษามนต์ดำเพื่อชุบชีวิตฆาตรกรสุดสะเทือนขวัญคนนี้ขึ้นมา
     

     ด้วยความประหลาดและนิสัยคล้ายๆกันของเราทั้งคู่ ทำให้เราเป็นเพื่อนสนิทกัน จนถึงทุกวันนี้







     "เคียวจัง เคียวจังจะไม่เล่นเกมส์ยูเมะกะเค้าจริงๆเหรอ มันสนุกมากจริงๆน้าาาา"ผมพูดกับเคียวซึมิที่กำลังนั่งกินข้าวกลางวัน โดยที่สายตาของผมก็ไม่ได้ละไปจากมือถือที่กำลังเปิดเล่นเกมอยู่เลย
     "ไม่เอาอ่ะ มันไม่ใช่สไตร์ของฉัน"เคียวซึมิพูดด้วยใบหน้านิ่งๆ พร้อมกับปิดกล่องข้าวของตัวเองวางลงข้างตัวแล้วทิ้งตัวเอาหัวมาหนุนที่ตักของผม เพื่อเตรียมหลับกลางวันเหมือนทุกครั้ง 
     พวกเรามานั่งอยู่ที่ดาดฟ้าของโรงเรียน เพื่อกินข้าวกลางวันแบบทุุกๆวัน เพราะขาวลือว่ามีเคยมีนักเรียนกระโดดดาดฟ้าฆ่าตัวตายเพราะผิดหวังจากความรัก ทำให้ที่แห่งนี้สงบเงียบ จากการไม่มีใครกล้าขึ้นมา 
     
     ช่างเงียบสงบอะไรเช่นนี้....

     "งือ เจ้อ่ะ เล่นเถอะนะ นะนะนะนะ เนื้อเรื่องมันสนุกมากจริงๆนะ เจ้จะได้เอาไปเป็นตัวอย่างไปสร้างตัวละครของเจ้ไง"ผมพยายามคะยั้นคะยอเพื่อนสาวอีกคครั้งอย่างไม่ลดละ
     "หืม น่าสน ไหนลองยกตัวอย่างมาสักคนสิ"
     หลังจากที่ผมพูดจบ เคียวซึมิก็ทำท่าเหมือนสนใจมากกว่าทุกครั้ง ดวงตากลมโตสวยสีแดงฉานดั่งเลือดจ้องมองมาที่ผมอย่างคาดคั้นให้ผมพูดเร็วๆ 
     "อ่า...เค้าว่าเคียวจังลองเล่นเองดีกว่า นะนะ ลองดู สนุกมากๆเลย มาๆเดี๋ยวเค้าโหลดให้"
     ผมรีบฉวยโทรศัพท์โทรศัพท์ของเคียวซึมิออกมาแล้วกดโหลดเกมส์ทันที โดยทำเป็นหูทวนลมไม่ฟังคำทักท้วงของเคียวซึมิเลย



     "เย้ๆๆๆ ได้แล้วๆๆๆ มาๆเคียวเคียวจัง มาเล้นกันเถอะ"พอโหลดเสร็จ ผมก็ยื่นโทรศัพท์ให้กับเคียวซึมิ ที่มองมาที่ผมอย่างไม่พอใจเล็กน้อย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากถอนหายใจแล้วก้มลงมองโทรศัพท์ที่ขึ้นหน้าเมนูเริ่มเกมส์
     "ต้องทำไงบ้างเนี่ย"เธอถามเบาๆ
     "ก็ตั้งชื่อของเจ้าหญิงในเกมส์ แล้วก็ตั้งวันเกิด แล้วเราจะได้เจ้าชาย1คนที่ขึ้นตอนหน้าดาวโหลด"
     "อืม งั้นชื่อKyozumi วันเกิดxx xx xxxx เจ้าชายเหรอ อ๊ะ เจ้าชายคนนี้มีหูด้วย"
     "ฮะ ฮะ อ๋อนั้นชื่อเจ้าชายวิมน่ะ เอาล่ะ พอตั้งเสร็จก็กดเริ่มเกมส์กันเล้ยยยย!!!!"ผมพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริงเมื่อเห็นเพื่อนสาวที่ท่ทางสนใจเกมส์เกมส์นี้มากกว่าที่คิด
     "อ๊ะ!?"
     "เอ๋!?"ผมหันไปมองทางเคียวซึมิอยู่ๆก็ร้องขึ้น แล้วเมื่อผมหันกลับไปมอง ก็พบเข้ากับภาพโทรศัพท์มือถือของเคียวซึมิที่กำลังส่องแสงสว่าง แล้วแสงนั้นดูจะขยายใหญ่มากขึ้นจนคลุมตัวของเคียวซึมิจนเกือบมิดทั้งตัวอยู่แล้ว
     "ยูโซ!!!!"
     "เคียวซึมิ!!!!!"
     ผมเปร่งเสียงเรียกชื่อเพื่อนสาวจนสุดเสียง พร้อมกับเอื้อมมือไปคว้าที่ต้นแขนบอบบางที่ยังไม่ได้ถูกแสงนั้นกลืนไปเหมืนส่วนอื่นของร่างกาย 
     "เคียวซึมิ โว้ย!ไอ้แสงบ้านี้มันแสงอะไรกันวะ....เหวอ!!!!"ผมพยามยามออกแรงดึงตัวของเคียวซึมิออกมาจากแสงบ้านั้น แต่มันก็เหมือนมีแรงบางอย่างดึงสวนกับแรงของผม แถมแสงนั้นก็ยังใหญ่ขึ้นเรื่อยๆจนกลืนตัวผมไปแล้วเกินครึ่งซีก จนอยู่ๆก็เหมือนมีแรงมหาศาลกระชากตัวพวกเราเข้าไปในแสงนั้นอย่างรวดเร็ว
     "เหวอออออ!!!!"
     "ยูโซ!!!!!"
     



     แสงสว่างค่อยๆหดตัวเล็กลงจนหายไปจนหมด ว่างเปล่า ราวกับไม่เคยมีเหตุการณ์ก่อนหน้านีี้เกิดขึ้น....

fic Do xxx Now!! (yaoi) อัณณ์/สิตา

***ขอบอกว่ามันเป็นการจินตนาการและจิ้นที่เวิ่นเว้อของกระผมเอง ของย้ำมันไม่ได้เกี่ยวกับเนื่้อเรื่องจริง





ณ คฤหาสนีรพันธ์
     ที่คฤหาสทรงไทยโบราณตั้งแต่ยุคยุค ร.๕แห่งนี้ ตั้งอยู่ที่ใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ภายนอกก็ดูเหมือนบ้านเรือนไทยโบราณขนาดใหญ่ของเศรษฐีธรรมดาๆที่ทำให้ผู้คนพบเห็นสบายตา สบายใจได้กํบความสงบและงดงานแบบปราณีตของศิลปะวิจิตรตระกาลตาแบบไทยโบราณของมัน
     แต่ภายใน ใครเล่าจะรู้ได้ว่าที่นี่เป็นแหล่งรวมตัวของทายาทตระกูลสัตว์เทพ ที่ปกปักษ์รักษาคนไทยมาตั้งแต่อดีตกาล
     


     โครม!!
     "นู้นไง! อยู่ตรงนั้น ดับไปซะ พลังไฟ!!!"
     ฟู่!!!!
     ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทองยุ่งฟูดูเซอร์ๆแต่งตัวคล้ายพวกเด็กแว้นของต่างประเทศ ร้องตระโกนขึ้นแล้วกางปีกเพลิงของเขา บินไล่ตามดวงวิญญาณ พร้อมปล่อยลูกไฟออกมาจากฝ่ามือเป็นจำนวนมาก ดวงวิญญาณที่สัมผัสถูกลูกไฟนั้น ต่างก็มอดไหม้และสลายหายไปตามๆกัน เขาเป็นทายาทตระกูลครุฑ ผู้มีนิสัยใจร้อนราวกับไฟ เหมือนกับพลังของตระกูลของเขา เขามีชื่อว่า'สิตา'

     "เบาๆหน่อยสิ สิตา เดี๋ยวสวนก็เละหรอก~"ร่างโปร่งใส หรือเรียกว่าร่างจิตของ'ไอยรา'คุณชายผู้มีร่างกายอ่อนแอของตระกูล คชสาร ผู้มีพลังในการควบคุมดิน พูดขึ้นอย่างปลงๆกับสิตาผู้บ้าระห่ำ(ร่างจริงของไอยราอยู่ในคฤหาส)ด้วยร่างกายที่อ่อนแอและขี้โรคแบบนี้ ทำให้ตอนทำภารกิจ ไอยราจะเลือกใช้ร่างจิตของตัวเองมากกว่าใช้ร่างจริงของตัวเอง
     "พูดไปเถอพไอยรา เจ้าติ๊งต๊องนั้นไม่ฟังหรอก"เด็กชายตัวน้อยหน้าตาน่ารัก...แต่ปากสุนัขเรียกพี่ พูดขึ้น(แอ่ก!โดนกรงเล็บ)เขามีชื่อว่า'ธาวิน'คุณหนูทายาทตระกูลสิงห์ ผู้ใช้พลังลมพูดขึ้นแล้วมองสิตาด้วยสายตาเหยียดๆ
     "หนอย จะหาเรื่องเหรอไอ้เด็กปากเสีย!"สิตาหันมาโวยวาย
     "ได้อยู่แล้วครุฑขนร่วง!!"

     "พลังเยือกแข็ง...จงไปสู่สุคติซะ"เสียงเรียบนิ่งพุดขึ้น โดยที่ตรงฝ่ามือของเขามีดวงวิญญาณที่ได้รับการชำระล้างและไปสู่สุคติอยู่
     ชายหนุ่มผมสีดำยาวระต้นคอ ใส่แว่นกลอบสี่่เหลี่ยม สวมชุดสูทดูดีมีชาติตระกูล บุคลิกของเขาแตกต่างกับสิตาดดยสิ้นเชิง(มาดเท่ห์อีกต่างหาก)ชายหนุ่มสุดเนียบคนนี้ชื่อ'อัณณ์'เป็นคุณชายทายาทตระกุลนาค และเป็นเจ้าของคฤหาสนีรพันธ์แห่งนี้อีกด้วย 
     ตระกูลนาคและตระกูลครุฑต่างก็เป็นอริกันมาตั้งแต่อดี่ตกาล ถึงแม้ยุคปัจจุบันเรื่องนี่ก็ยังไม่เปลี่ยน ทำให้สิตารุ้สึกหมั่นไส้อัณณ์สุดๆ




     "เฮ่อ...เหนื่อยจังเลย มีนาขอน้ำเย็นหน่อยสิ"ทันทีที่เข้ามาในคฟหาสสิตาก็ทิ้งตัวลงนั่งไปที่โซฟาหรูแล้วเรียกหญิงสาวชุดเมดสุดแสนโมเอะให้มาเสริฟน้ำ เธอคือ'มีนา'หญิงสาวที่ตายและกลายมาเป็นภูตรับใช้ของพวกเขาทั้ง4คน
     "รอเดี๋ยวนะสิตา เดี๋ยวไปหยิบมาให้"ภูตสาวหายเข้าไปในกำแพง แล้วโผล่พรวดมาตรงหน้าของของสิตาโดยมีแก้วน้ำเย็นอยู่มนมือ
     "แต้งกิ้ว ฮ่า~สดชื่นนน..."ชายหนุ่มกระดกน้ำรวดเดียวหมดแก้ว เขาวางแก้วลงบนโต๊ะ ขณะที่เขากำลังหันไปคุยกับมีนานั่นเอง
     "มีนา"อัณณ์ที่เพิ่งเดินเข้ามาเป็นคนสุดท้ายเรียกภูตสาว เธอหันกลับไปมองผู้เรียกแล้วเดินไปหาอัณณ์ โดยมีสายตาไม่พอใจของสิตามองพวกเขาอยู่
     ทำไงได้ล่ะ คนมันชอบไปแล้วนี่หว่า ถึงมีนาจะชอบเจ้าขี้เก๊กนั่นก็เหอะ'
     สิตาลุกขึ้นขึ้นจากโซฟาแล้วเดินออกจากห้องโถงไปเงียบๆ โดยมีสายตาของอัณณ์มองตามสิตาไปนิ่งๆโดยสิตาไม่สังเกตเลย 

     


     สิตาเดินขึ้นมาบนห้องของเขาที่อยู่ชั้น2ของคฤหาส ขณะที่สิตากำลังเปิดประตูนั่นเอง...
     "หืม อ๊ากกกกกก!!!!"
     

     เสียงร้องของสิตาดังลั่นไปทั่วทั้งคฤหาสเรียกความสนใจของทุกคนให้มองไปทางห้องของสิตาที่ชั้น2อย่างรวดเร็ว
     อัณณ์รีบวิ่งขึ้นบันไดแล้วพังประตูห้องของสิตาเข้าไปอย่างรวดเร็ว แล้วภาพในห้องของสิตาที่อัณณ์เห็นตรงหน้าก็ทำให้อัณณ์รู้สึกร่างกายของเขาถูกน้ำเย็นสาดอย่างแรง
     
     ภาพของสิตานอนคว่ำอยู่กลางห้อง รอบๆตัวของสิตาเต็มไปด้วยซากขนและเศษชิ้นเนื้อของปีกเปื้อนเลือดกระจายเต็มไปทั่วห้อง กลิ่นคาวคละคลุ้งของเลือดฟุ้งไปทัวห้องฉุนจมูกจนอัณณ์และคนอื่นๆที่ตามมาทีหลังต้องกลั้นหายใจอย่างรวดเร็ว
     อัณณ์วิ่งเข้าไปจับร่างของสิตาให้หงายขึ้น แล้วเขาก็ต้องตะลึงยิ่งว่าเดิม ร่างตรงหน้านั้นตาเหลืกเบิกกว้าง เลือดสดๆมากมายไหลทะลักออกจากปากแผลตรงหน้าอกเปรอะไปทั่วทั้งร่างของเขา เมื่ออัณณ์ยกมือขึ้นอังที่จมูกของร่างโปร่ง ก็ไร้ซึ่งสัญญาณตอบกลับมา
     สิตา ตายแล้ว...
     







     ณ คฤหาสกุลรักตปักษ์ ของตระกูลครุฑ
     ชายร่่างใหญ่แบกร่างสูงโปร่งของสิตาไว้นไหล่ แล้วเดินมาที่ห้องโถงกลางของคฤหาส 
     ตรงกลางห้องโถง มีชายหนุ่มผมสีแดงเพลิงนั่งหันหลังอยู่ที่เก้าอี้ให้กับพวกเขา
     "เป็นไง"เสียงเรียบนิ่งเอ่ยขึ้นจากชายผมแดงตรงหน้า
     "ได้ตัวกลับมาแล้วขอรับ ท่านเจ้าบ้าน"ชายร่างยักษ์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงนอบน้อม ก่อนที่เขาจะวางร่างของสิตาไว้ที่โซฟาด้านหลังเก้าอี้ที่ชายผมแดงนั่งอยู่
     ชายผมแดงค่อยๆหมุนเก้าอี้แล้วหันมาทางโซฟาที่มีร่างของสิตานอนหลับตพริ้มอยู่บนนั่น ชายหนุ่มยิ้มกว้างจนเห็นฟันเรียงสวย พร้อมพูดอย่างยินดี
     "ในที่สุดก็ได้เจอกันซักทีนะ สิตา"
     พูดจบ นิ้วมือของสิตาก็กระตุกเล็กน้อย เปลือกตายค่อยๆขยับเปิดขึ้นช้าๆแล้วกระพริบสองสามครั้งเพื่อให้การมองเห็นเข้าที่ สิตากวาดตามองไปรอบๆ แล้วสายตาของของเขาก็ไปสะดุดเข้ากับชายผมแดงที่กำลังมองมาทางเขายิ้มๆ
     สิตามองคนตรงหน้าที่มีใบหน้าเหมือนกับเขาราวกับเขากำลังส่องกระจกยกเว้นสีผมที่แตกต่างกันด้วยความตกตะลึง ก่อนที่สิตาจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นฉีกยิ้มกว้างแล้วพูดขึ้นด้วยความดีใจสุดๆ
     "ไง'ทิวา' กลับมาแล้วเหรอ"
     'ทิวา'พี่ชายฝาแฝดของสิตา เป็นลูกคนแรกของผู้นำตระกูลครุฑที่ควรจะได้เป็นผู้สืบทอดตระกูลคนต่อไปสิ งั้นแล้วทำไมเป็นสิตาล่ะ
     





     10ปีที่แล้ว
     'ทิวา นายจะไปไหน อย่าไปนะ~'เด็กชายวัย11ปีร้องไห้โยเยโบกมือไปทางด้านหน้าไปมา หวัเพียงจะไขว้คว้าร่างของพี่ชายฝาแฝดของตัวเองไว้
     'ไม่เอานะสิตา อย่าทำแบบนี้สิลูก'หญิงสาวร่างบางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงปานจะขาดใจไม่แพ้กับผู้เป็นลูกชายคนเล็กของเธอที่อยู่ในอ้อมกอด เธอมองไปทางลูกชายคนโตของเธอที่ถูกคนที่เธอคิดจะใช้ชีวิตร่วมกับเขาไปจนตายจับมือไว้แน่นด้วยใบหน้านองน้ำตา
     วันนี้เป็นวันที่พวกเขาทั้งสองคนตกลงกันว่า ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ พวกเขาหย่ากันโดยแยกลูกทั้งสองออกจากกันด้วย
     'แม่ ไม่เอานะ สิตาอยากอยู่กับทิวา!'
     'ไม่ได้นะลูก มานี่!'
     'ทิวา!!!!'
     เสียงเด็กชายร้องไห้ดังปานจะขาดใจเสียตรงนี้ ผู้คนรอบๆต่างมองด้วยความสงสารเวทนาแต่ก็ไม่อาจช่วยอะไรได้




     กลับมา ณ เวลาปัจจุบัน
     "เป็นไงมั่ง เห็นว่าพ่อพาย้ายไปอยู่ที่อังกฤษนี่นา"สิตาถามไถสารทุกข์สุกดิบของผู้เป็นพี่ชายด้วยความคิดถึง ทิวาตอบผู้เป็นน้องด้วยรอยยิ้งเศร้าๆว่า
     "พ่อน่ะ มีภรรยาใหม่แล้วล่ะ"เสียงที่ทิวาใช้ตอบกลับมาดูเศร้าสลด จนสิตารู้สึกใจหาย 
     "แล้วนายเป็นไงมั่ง"
     "พ่อไม่สนใจฉันเลย เอาแต่อยู่กับผู้หญิงคนนั้นแล้วก็ลูกติดของเธอ เพราะงั้น"ทิวาหันมามองทางสิตาด้วยสายตาจริงจังแต่เต็มไปด้วยความเศร้า
     "เพราะงั้นทำไมเหรอทิวา"
     "ให้ฉันกลับมาอยู่ที่นี่นะ"
     "!!!?"



     ณ คฤหาสนีรพันธ์
     "นี่ อัณณ์ทำไมนายถึงยังนิ่งอยู่ได้ล่ะ สิตาตอนนี้จะเป็นยังไงมั่งก็ไม่รู้นะ"ไอยราโวยวายเสียงดังจ้องหน้าของอัณณ์อย่างโกรธเคืองจนตัวสั่น(แล้วเลือดกำเดาก็ทะลักจนต้องเปลี่ยนเป็นร่างจิต)
     "ใช่ๆพี่อัณณ์ ผมว่าลองไปดูที่บ้านของเจ้านั่นกันมั้ย"ธาวินพูดสนับสนุนไอยรา ถึงแม้ธาวินจะไม่ค่อยชอบสิตาแต่พอไม่มีคนถียงด้วยเลยรู้สึกเหงาๆ
     อัณณ์มองทั้งสองด้วยใบหน้านิ่งเรียบไร้อารมย์ 
     หลังจากวันนั้นก็ผ่านมาได้สามวันแล้ว ในวันนั้น อัณณ์ได้นำร่างที่จมกองเลือดของสิตาไปให้ผู้เชี่ยวชาญของตระกูลตรวจสอบ จึงได้รู้ว่าศพนี้เป็นแค่เวทภาพลวงตาของตระกูลครุฑเท่านั้น
     'หมอนั้น คิดจะล้อฉันเล่นรึยังไง ช่างไม่ปราณีตเอาซะเลย'อัณณ์คิดอย่างไม่สบอารมย์
     เขาจึงเลือกที่จะรอว่าเมื่อไหร่ที่สิตาตัวจริงจะกลับมา แล้วบอกว่าเกิดอะไรขึ้น มีจุดประสงข์อะไรถึงต้องทำแบบนี้ ความรู้สึกกระวนกระวายนี่มันอะไรกัน!!!
     ปิ้งป่อง~ปิ้งป้อง~เสียงกริ่งหน้าประตูดังขึ้น เรียกความสนใจของทั้งสามให้หันไปมองที่ประตู ขณะที่แม่บ้านกำลังเดินไปเปิดประตู อัณณ์ก็ได้พุ่งตัวไปที่ประตูแล้วเปิดมันออด้วยตัวเอง และสิ่งที่อันได้เห็นหลังจากเปิดประตูก็ทำให้เบิกตกว้างอย่างตกตะลึง
     "ไง ไม่ได้เจอกันนานนะ อัณณ์"
     สิตาที่ยืนยิ้มยียวนอันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวเขาอยู่ตรงหน้าของอัณณ์ที่ยืนนิ่งอึ้งมองหน้าเขา
     "สิ....ต..."
     "สิต้าาาาาาาา!!!~"ไอยรา(ร่างจิต)พุ่งทะลุตัวของอัณณ์เข้าไปกอดสิตาไว้แน่นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงดีใจปนสะอื้น
     "ไม่เอาน่า ไอยราอย่ากอดสิ หยุดร้องไห้ด้วย"สิตาพูยิ้มๆแล้วพยายามดันร่างของไอยราออกเบาๆ
     "แล้วนายไปไหนมาเหรอสิตา พวกเราเป็นห่วงนายมากเลยนะ"
     "นาย/ไอยราคนเดียวแหละ!"อัณณ์และธาวินตะโกนพูดพร้อมกัน
     อัณณ์มองสิตา แล้วถามเสียงนิ่งๆ
     "แล้วนายจะกลับมทำไม ทิ้งภารกิจของตัวเอง แล้วจะกลับมาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแบบนี้เนี่ยนะ ช่างไม่ปราณีตเอาซะเลย"
     สิตาหันกลับมาทางอัณณ์พร้อมกับยกมือเกาหัวแล้วค่อยๆเบียงตัวออกช้าๆเผยให้เห้นผู้ที่ยืนอยู่อีกคนด้านหลังของเขา
     "!!!!?"
     ทั้งสามมองค้างมองคนที่อยู่ตรงหน้าของพวกเขาอึ้งๆ คนที่อยู่เบื้องหน้าของพวเขาคนนี้ มีใบหน้าเหมือนสิตาอย่างกัใช้เครื่องปริ้นเครื่องเดียวกัน เพียงแต่ว่าคนคนนี้มีเรือนผมสีแดงเพลิง และมีนยน์ตาเป็นสีดำสนิท
     "เอ่อ สิตา คนคนนี้คือ..."ไอยราถามแล้วชี้มือไปทางด้านหน้าอย่างสงสัย
     "เขาชื่อว่าทิวา เป็นพี่ชายฝาแฝดของฉัน แล้วก็..."สิตาหยุดพูดเล็กน้อย แล้วพูดขึ้นอีกครั้งด้วยใบหน้ายิ้มที่ดูฝืดเฝือน และคำพูต่อมาก็ทำให้ทั้ง3คนตกตะลึงยิ่งกว่าเดิม"ทิวาเป็นที่จะมาทำภารกิจของผู้นำตระกูลต่อจากฉัน"
     "!!!!???"
     "ท...ทำไมล่ะสิตา ถึงอัณณ์กับสิตาจะไม่ถูกกัน แต่ไม่น่าถึงกับต้องทำแบบนี้เลยนี่นา!"ไอยราเกาะแขนของสิตาไว้แน่นพร้อมกับโวยวายเสียงดังด้วยใบหน้าที่นองน้ำตา
     "ไม่ใช่หรอกไอยรา ที่จริงฉันก็เป็นแค่ตัวแทนอยู่แล้ว เพราะงั้น ตอนนี้ตัวจริงได้มารับหน้าที่แล้ว ก็แน่นอนอยู่แล้วว่าฉันต้องหลีกทางให้กับเขา"สิตาพูดแล้วค่อยๆแกะมือของไอยราออก
     "ฉันไม่อณุญาติ"
     "..."
     อัณณ์ที่อยู่ๆก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงดุดันเกรี้ยวกราด ซึ่งทำให้ทุกสายตาหันไปมองที่เขาเป็นจุดเดียว
     "ทำไมล่ะ ฉันไม่ดีตรงไหน ฉันสุขุมมากกว่า มีพลังเวทมากกว่า เก่งกว่า หน้าตาก็ดีมากกว่าสิตา(?)แล้วสีผมของฉันก็ดูดีกว่าด้วย!!"(ความหลงตัวเองก็มีมากกว่าด้วยเช่นกัน)
     "มันไม่เกี่ยวว่าจะเก่งกว่าหรือดูดีกว่า มันไม่เกี่ยวเลย"อัณณ์พูดแล้วมองหน้าของทิวากับสิตาสลับกัน แล้วเขาก็หยุดสายตาไว้ที่สิตา สิตาที่ไม่ทันตั้งตัว พอถูกตาคมกริบไต้เลนส์แว่นของสิตาจ้องมาที่เขาตรงๆกระทันหันก็ทำให้เขาเผลอสะดุ้งสุดตัว
     อัณณ์กำลังไม่พอใจและโกรธสุดๆ
     "!!?" 
     "แต่มันเกี่ยวกับที่ว่า พวกฉันจะยอมรับใครก็เท่านั้น"อัณณ์พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเฉียบขาด สิตาที่ได้ยินคำพูดนั้นก็รู้ราวกับในอกถูกยกหินหนักๆออกไปจนหมด
     'เจ้าขี้เก้กนี่ มันยอมรับฉันงั้นเหรอ'สิตาคิดอึ้งๆ
     "ใช่ๆต้องเป็นเจ้าบื่อนี่เท่านั้น คนที่จะซื่อบื้อเถียงสนุกเท่าเจ้านี่น่ะไม่มีอีกแล้ว"ธาวินพูดแล้วเชิดหน้าหนี แต่พวกเขาก็สังเกตเห็นที่ใบหูน้อยๆของเด็กชายที่เป็นสีแดงแจ๋(แบบนี่เขาเรียกว่าซึนนะเด็กน้อย แอ่ฟ!!:โดนธาวินใช้เล็บแทง)
     "อืมๆถ้าไม่ใช่สิตาก็ไม่มีความหมายหรอก"ไอยราพูดส่งเสริม แล้วพุ่งตัวไปกอดสิตาไว้แน่นอีกครั้ง
     "มากไปแล้วไอยรา ดูไม่ปราณีตเอาซะเลยนะ"อัณณ์พูดเสียงเข้มจนไอยราต้องรีบปล่อยมือออกจากสิตาอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งกล่าวขอโทษไปมา
     "ส่วนนาย มากับฉัน"อัณณ์ไม่พูดเปล่า เขาจัดการเดินไปกระชากแขนของสิตาให้เดินตามเขาเข้าไปในคฤหาสอย่างแรง 
     อัณณ์พาสิตาเดินมาจนถึงห้องของสิตาที่อยู่ชั้นสอง ข้าวของในห้องถูกจัดไว้จนเป็นระเบียบเหมือนตอนที่สิตาอาศัยอยู่เมื่อก่อนหน้านี่ พอเข้าไปในห้อง อัณณ์ก็ดันร่างของสิตาจนติดผนัง แล้วใช่มือยันกำแพงเพื่อกันสิตาหนี
     "โอ๊ย!อะไรของแกเนี่ย ฉันเจ็บนะโว๊ย!"สิัตาโวยวายเสียงดัง แต่อัณณ์ไม่สนใจ ถามเสียงนิ่ง
     "นายคิดจะทำอะไร"
     สิตามองสายตาของอัณณ์ที่มองมาทางเขา ราวกับพญางูจ้องจะกินเหยื่ออย่างหวาดๆ จึงตอบอัณณ์เสียงอ้อมแอ้ม
     "อะไรเล่า ก็ฉันเปนลูกคนรองนี่นา คนที่เป็นลูกคนโตสิถึงจะได้เป็นเจ้าบ้านและเป็นผู้นำของตระกูลได้น่ะ ฉันมันก็แค่ตัวสำรอง ทิวาต่างหากล่ะคือตัวจริง แล้วมันผิดหรือไงที่ฉันจะหลีกทางให้กับเขาล่ะ!"
     "แล้วนายอยากจะหลีกทางให้หมอนั่นจริงๆรึไงล่ะ!!"อัณณ์พูดขึ้นเสียงดังจนสิตาชะงักแล้วค่อยๆก้มหน้าพูดเสียงสั่นๆ
     "ไม่...ไม่อยากอยู่แล้ว แต่...แต่ว่า ทิวาน่ะ"
     "เป็นพี่ชายสินะ"อัณณ์พูดขัดขึ้น สิตาพยักหน้าเบาๆ เขาก้มหน้าลงมากกว่าเดิม เพื่อซ่อนใบหน้าที่คลอไปด้วยน้ำตาที่จวนเจียนจะไหลในไม่ช้า
     ฟึ่บ!
     "อ๊ะ แกทำบ้าอะไรน่ะ!"สิตาโวยวาย เมื่ออยู่ๆอัณณ์ก็รวบตัวเขาไปกอดไว้แน่น ด้วยส่วนสูงที่ไกล้เคียงกัน จึงทำให้แก้มของสิตาสัมผัสแตะกับแก้มของอัณณ์
     "ฉันไม่ยออมหรอก ฉันไม่ยอมให้นายไป..."อัณณ์พูดกระซิบที่ข้างหูของสิตาเบาๆ 
     "แล้วนายจะให้ฉันทำยังไงเล่า!!!"สิตาผลั๊กร่างของอัณณ์ออกอย่างแรงแล้วตะโกนอย่างสุดเสียง อัณณ์ที่กำลังจะโวยใส่สิตาที่ทำให้เสื้อเขายับถึงกับชะงักอึ้งพูดไม่ออกเมื่องเห็นใบหน้าที่นองน้ำตาของสิตา
     "สิตา นาย..."
     "ฉันไม่ได้...ฮึก อยากไปสักหน่อย แต่ฉันก็ ฮึก ทิวากลับมาแล้ว ฉันต้องหลีกทางให้กับเขา ฮึก"สิตาพูดจบก็ยกแขนเสื้อเช็ดน้ำตาแรงๆแล้วเอ่ยลาอัณณ์อีกครั้ง"เอาล่ะ ฉันต้องกลับบ้านแล้ว ลาก่อนนะอัณณ์"
     สิตาพูดแล้ววิ่งออกจากห้อง แต่ขณะที่เขาวิ่งผ่านร่างของอัณณ์ ร่างของเขาก็ถูกรวบไว้จากด้านหลังเสียก่อน
     หมับ
     "ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ยอมให้นายไป ฉันชอบนายนะ"อัณณ์จับร่างของสิตาให้หันกลับมามองหน้าเขา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเว้าวอน"ขอร้อง อย่าไปเลย...ได้โปรด"
     "!!!?"สิตาที่ตะลึงว่าอัณณ์พูดขอร้องเขา จนไม่ทันสังเกตถึงระยะห่างของใบหน้าพวกเขาที่เริ่มลดลงจนริมฝีกปากของพวกเขาสัมผัสกัน แรกๆเนิบช้าราวกับกลีบดอกไม้ที่ร่วงหล่นลงนผิวน้ำ และเริ่มหนักหน่วงขึ้นจนสิตาตั้งตัวไม่ทัน
     "อืม อื้ม!!!"สิตาพยายามทุบไปที่ไหล่ของอัณณ์ และพยายามหันหน้าหนี แต่ก็ถูกอัณณ์ใช้แขนข้างหนึ่งกอดเอวไว้แน่นจนลำตัวของพวกเขาแนบชิดกัน แล้วมืออีกข้าก็กดท้ายทอยของสิตาไม่ให้หันหนีและรับจูบของเขาที่เริ่มจะมีความรุนแรงมากขึ้นตามอารมย์ที่่เริ่มจะปะทุสูงขึ้น
     แล้วสติของสิตาก็ดับวูบลง




     "อืม..."สิตาค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นช้าๆ สภาพรอบๆตัวดูคุ้นตา ห้องของเขาในคฤหาสนีรพัธ์ ทำให้เขาคิดอย่างไม่แน่ใจ
     'เมื้อกี้มัน...ความฝัน?'ขณะที่เขากำลังคิดอยูนั่นเองก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นข้างตัว
     "ไม่ใช่ความฝันหรอกสิตา"
     สิตาลุกขึ้นจากเตียงแล้วมองไปที่ประตู ทิวาที่ยืนอยู่นั่นเป็นคนที่ตอบคำถามในความคิดของเขา 
     ทิวาเดินมาที่เตียงของสิตา แล้วทิ้งตัวนั่งลงข้างๆสิตาบนเตียง
     "มันไม่ใช่ความฝัน มันเป็นความจริง"ทิวาพูดย้ำ
     "ล แล้วทำไม ทำไมฉันถึงยังอยู่ที่นี่ล่ะ นายน่าจะได้เป็นผู้นำตระกูลครุฑแล้วนี่..."สิตาพูดเองก็รู้สึกเศร้าเอง เขาช้อนตาขึ้นมิงหน้าทิวา ทิวามองท่าทางเหล่านั้นของน้องชายด้วยความรู้สึกเอ็นดู เขายกมือขึ้นลูบเส้นผมสีทองยุ่งเหยิงแต่กลับนุ่มมือน่าสัมผัสนั้น แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า
     "ฉันเป็นไม่ได้หรอก"
     "ทำไมล่ะทิวา ก็นาย"สิตายังพูดไม่ทันจบก็มีเสียงพูดแทรกขึ้น
     "เพราะเขาไม่ได้รับการยอมรับจากผู้นำตระกูลอีกสามตระกูลยังไงล่ะ เพราะงั้น นายก็ต้องทำภารกิจที่นี่ต่อไป"ผู้พูดคืออัณณ์ที่เพิ่งเข้ามใหม่ พร้อมกับชายหนุ่มต่างชาติผมสีน้ำตาลอ่อนตาสีฟ้าตัวสูงใหญ่อย่างหุ่นนักกีฬา อัณณ์และหนุ่มต่างชาติเดินมาหยุดที่ข้างเตียงที่สิตาและทิวานั่งอยู่
     ทิวามองชายร่างสูงอย่างตกตะลึก ก่อนจะร้องเสียงดัง
     "ริชาท นายมาที่นี่ได้ยังไง!!!"
     "ฉันก็มรับนายกลับบ้านน่ะสิ กลับได้แล้ว มัมกับแด๊ดกำลังเป็นห่วง"ริชาทเป็นลูกติดของแม่ใหม่ทิวา เขาขึนพูดเสียงนิ่ง พูดจบริชาทก็ดึงมือทิวาให้ลุกมาหาเขา แต่ทิวาก็ขืนตัวเอาไว้"ดื้อจริง"ริชาทพูดด้วยน้ำเสียงติดจะเริ่มหงุดหงิด ก่อนจะ...
     "หวา!ทำอะไรน่ะเจ้ายักษ์นี่ ปล่อยฉันลงนะ ปล่อย!!!"ริชาทรวบตัวทิวาแล้วยกขึ้นจับพาดบนไหล่กว้างของเขา ทิวาที่โดนริชาทจับพาดบ่าทั้งดิ้นทั้งโวยวายเสียงดัง
     "อย่าดิ้น อย่าร้องด้วย ถ้าไม่เชื่อฟังคงรู้นะว่ากลับไปจะโดนอะไร"ทันทีที่ริชาทพูดจบ ทิวาที่ดิ้นราทกับนกโดนน้ำร้อนก็นิ่งสนิททันทีราวกับถูกปิดสวิต
     สิตามองตามทั้งสองที่ออกจากประตูไปจนรับสายตา 
     "..."
     "เอาล่ะ เท่านี่นายก็ต้องอยู่ที่นี่ต่อ นายหนีไม่ได้แล้วนะ สิตา"
     "!!!?"สิตาเบิกตากว้าง นี้เป็นครั้งแรกที่อัณณ์เรียกชื่อของเขา อัณณ์มองตาของสิตานิ่ง จนเป็นสิตาเองที่จะต้องหลบสายตาเอง
     "อย่าหันหน้าหนีสิ ถึงนายจะหนียังไง แต่ถ้าอะไรหรือใครที่ถูกฉันหมายตาไว้ ไม่มีทางหนีฉันพ้นหรอกนะ"
     ใบหน้าของอัณณ์ค่อยๆเคลื่อนมาไกล้ๆหน้าของสิตามากขึ้นเรื่อยๆสิตาพยายามหันหน้าหนี แต่มือของอัณณ์ที่จับใบหน้าเขาไว้ทำให้เขาไม่สามารถหันหนีได้ ริมฝีปากของอัณณ์แตะผ่านข้างแก้มของสิตาเบาๆ ก่อนจะเลื่อนเปลี่ยนไปเป็นกระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์อย่างที่สิตาไม่เคยได้ยินจากคนตรงหน้ามาก่อนว่า
     "ไม่ว่ายังไง นายก็ไปจากฉันไม่พ้นหรอกนกน้อย"
     "นกน้อยบ้านนายเซ่ ไอ้งูหื่น อุ๊บ!!!"สิตาโวยวายหน้าแดง ก่อนจะถูกอัณณ์กดจูบอย่างรวดเร็ว....
     


     END